Thursday, October 21, 2010

ติดตั้ง Zimbra Collaboration Suite - Open Source Edition

หลังจากทำการปรับแต่ง Fedora Core 11 จนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็คือ
การกำหนดชื่อ hosts ให้กับ Fedora ซึ่งตรงนี้สำคัญมาก

สิ่งที่ต้องทำก่อนคือ จะต้องมีการสร้าง MX Record ไว้ใน DNS Server
ตัวอย่างของผมนะครับ
จะเห็นว่าตรง MX จะต้องชี้ไปที่ A คือ mrpanlop.co.cc

แกไขไฟล์ hostsโดยใช้คำสั่ง

nano /etc/hosts

เพิ่มบรรทัดล่างสุดดังนี้

(เลขไอพี Server ท่าน) เว้นวรรค (ชื่อ Domain ของท่าน)

ทำการเซฟและออกจาก nano text editor

เรียบร้อยแล้ว
ทดสอบดูครับ
พิมพ์คำสั่ง host -t -a (ชื่อโดเมน)

[root@mrpanlop ~]# host -t a (domain)
(domain) has address xxx.xxx.xxx.xxx
[root@mrpanlop ~]# host -t mx (domain)
(domain) mail is handled by 0 (domain)

ถ้าได้ผลแบบด้านบนก็แสดงว่า mx record ใน DNS server ของท่านสมบูรณ์ครับ





ขั้นตอนการติดตั้ง Zimbra Collaboration Suite - Open Source Edition
เวอร์ชั้นที่โหลดมานี้เป็น เวอร์ 6.0.8 GA ครับ

โหลดได้ที่เวบ zimbra.com

สำหรับ Fedora 64bit
http://files2.zimbra.com/downloads/6.0.8_GA/zcs-6.0.8_GA_2661.F11_64.20100820041438.tgz

สำหรับ Fedora 32bit
http://files2.zimbra.com/downloads/6.0.8_GA/zcs-6.0.8_GA_2661.F11.20100820040327.tgz

หรือที่หน้า root command พิมพ์
wget ตามด้วยลิ้งด้านบนครับ

เมื่อโหลดมาแล้ว ให้ทำการแตกไฟล์โดยใช้คำสั่ง

tar -xzvf zcs-6.0.8_GA_2661.F11.20100820040327.tgz

เรียบร้อยแล้ว cd เข้าไปที่ directory ที่เราแตกไฟล์ออกมาครับ

cd zcs-6.0.8_GA_2661.F11.20100820040327

เมื่อเข้ามาใน directory ข้างบนแล้ว ภายในจะมีไฟล์ต่างๆดังนี้
directory bin

directory data
directory docs
directory packages
directory utill
file install.sh
file readme_binary_en_US.txt
file readme_source_en_US.txt

ทำการเรียกไฟล์ install ด้วยคำสั่งนี้

./install.sh

โปรแกรมจะทำการตรวจสอบไฟล์ก่อนทำการติดตั้งดังรูป

ส่วนบนเป็นการตรวจสอบไฟล์ก่อนการติดตั้งว่าที่ดาวน์โหลดมาสมบูรณ์หรือไม่
และตำแหน่งการเก็บไฟล์ config
ส่วนต่อมาเป็นเรื่องของ Agreement หากท่านเข้าใจเรื่อง Agreement ดีแล้ว กด y เพื่อดำเนินการต่อไป

หลังจากกด Yes เพื่อรับทราบ Agreement แล้วจะเป็นขั้นตอนการ ตรวจสอบระบบเพื่อดูว่า Fedora ของเราติดตั้ง พวก Service หรือ Library ต่างๆพร้อมหรือไม่

ต่อมาเป็นการ Check Package และการยืนยันติดตั้ง Package ต่างๆ

Install zimbra-ldap [Y] กด Enter เลยครับ
Install zimbra-logger [Y] กด Enter เลยครับ
Install zimbra-mta [Y] กด Enter เลยครับ
Install zimbra-snmp [Y] กด Enter เลยครับ
Install zimbra=store [Y] กด Enter เลยครับ
Install zimbra-apache [Y] กด Enter เลยครับ
Install zimbra-spell [Y] กด Enter เลยครับ
Install zimbra-memcached [N] กด Enter เลยครับ
Install zimbra-proxy [N] กด Enter เลยครับ

หลังจากนั้นระบบจะถามเราอีกครั้งเพื่อยืนยันว่ามีการปรับปรุง ต้องการทำต่อหรือไม่
กด Y ครับ เพื่อดำเนินการต่อไป

ปรับแต่ง Fedora ให้ Lan Card ทำงาน เพื่อรองรับ ZIMBRA

หลังจากที่เราทำการปรับตั้งค่า Service ต่างๆ ไปแล้วนั้น
ในบางครั้ง เมื่อทำการ Restart Fedora กลับพบว่า Network Card ไม่ Active หลังจาก Boot เครื่อง

ให้ท่านทำการตรวจสอบและแก้ไขดังนี้

ที่หน้าจอ root Login
พิมพ์คำสั่ง ifconfig เพื่อตรวจสอบค่าของ Network

ในรูปผมแก้ไอพีนะครับมั่วๆเอา ฮ่า ๆ ๆ
ต่อ เมื่อใช้คำสั่ง ifconfig แล้ว มีการแสดงผลออกมาดังรูปแสดงว่า Network ของท่านทำงานสมบูรณ์
หากไม่ได้แสดงผลดังภาพ หรือ แสดง แต่ lo แสดงว่า Network Card ยังไม่ Active ให้ท่านเข้าไปแก้ไขไฟล์ดังนี้
ที่ Command พิมพ์

nano /etc/sysconfig/network-scripts/ifcfg-eth0

จะขึ้นหน้าจอดังรูป

บรรทัด ONBOOT=no แก้เป็น ONBOOT=yes
บรรทัด BOOTPROTO=none แก้เป็น BOOTPROTO=static
กดปุ่ม Ctrl+O ทำการเซฟไฟล์ ถ้ามีการถามว่าจะเซฟทับหรือไใม่กด Enter เซฟทับไปเลยครับ
กดปุ่ม Ctrl+X เพื่อออกจากโปรแกรม Nano Text Edit

เพื่อให้แน่ใจว่า Network Card ของเราจะทำงานทันทีที่ Boot ให้ใช้คำสั่งดังนี้

chkconfig network on

ทำการ Restart Fedora อีกครั้ง

และให้ตรวจสอบด้วยคำสั่ง ifconfig อีกทีครับ
ถ้าได้แล้ว ทดสอบ ping ไปยัง server อื่นๆดูครับ
หรือจะลองใช้เครื่องอื่น ping มาที่เครื่องนี้อีกที

ปรับแต่ง SELINUX ก่อนทำการติดตั้ง ZIMBRA

SELinux ย่อมาจาก Security-Enhanced Linux แปลตรงๆ ก็หมายความว่าเป็น Linux ที่เพิ่มเติมความสามารถในเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้นกว่าเดิม  ซึ่งทำให้เกิดปัญหาเวลาที่ Start Service ของ ZIMBRA บางตัว ไม่สามารถทำงานได้ โดยเฉพาะ Service Spell

ให้ทำการแก้ไขไฟล์ดังนี้
ที่ Command Root พิมพ์

nano /etc/sysconfig/selinux

แก้ไขบรรทัด SELINUX=enforcing เป็น SELINUX=disabled

ทำการเซฟและออกจาก nano
หลังจากนั้นก็ Reboot อีกหนึ่งครั้งครับ

ปรับแต่ง Fedora เพื่อรองรับ ZIMBRA

หลังจากที่ Fedora boot เข้ามาที่หน้า Setup แล้ว
(หากไม่เข้าที่หน้า Setup แบบนี้ ให้ท่าน Login เข้าเป็น root ที่หน้า Login ได้เลยครับ ใช้ Password ในตอนที่ท่านติดตั้ืง Fedora เข้าไป แล้วทำการใช้คำสั่ง setup)

ส่วนของ Authentication Configuration ผมไม่ได้ทำการปรับแต่งอย่างไรขอข้ามไปเลยนะครับ
เลือก Firewall configuration เพื่อปรับแต่งค่าดังนี้

เลือก Enabled กดปุ่ม Tab มาที่ Customize กด Enter

เลือก Service ที่ต้องการเปิดให้ Fedora ทำงาน
ของผมเลือกดังนี้ครับ
* IMAP over SSl
* Mail (SMTP)
* POP-3 Over SSL
* SSH
* Secure WWW (HTTPS)
* WWW (HTTP)
เสร็จแล้ว กด Tab มาที่ Forward กด Enter

เนื่องจากผมต้องการติดตั้ง ZIMBRA ไว้ที่พอร์ต 81
และต้องการลง Webmin สำหรับบริหาร Fedora ผ่านเวบ
จึงจำเป็นต้องเปิดพอร์ตอื่นด้วย
กด Tab มาที่ Add เพื่อพอร์ตทีละพอร์ตดังนี้
พอร์ต 7071/TCP
พอร์ต 81/TCP
พอร์ต 10000/TCP
เสร็จแล้ว กด Tab มาที่ Close กด Enter
กลับมาหน้า Firewall Configuration กด Tab มาที่ OK กด Enter

หน้าจอ Warning เป็นการเตือนว่าท่านแน่ใจว่าจะทำการปรับตั้งค่า iptables เพื่อรองรับ Service ต่างๆ
กด Yes ได้เลยครับ

Fedora จะกลับมาที่หน้าจอ Setup อีกครั้ง ครับ

ส่วนของ Keyboard configuration และ Timezone configuration ผมไม่ได้ปรับแต่งอย่างได ขอไม่กล่าวถึงนะครับ

ต่อกันที่ Network configuration กด Enter ได้เลยครับ

หน้า Select Action
เลือก Edit a Device params กด Enter

หน้า Select A Device
เลือก Lan Card ในระบบของท่าน กด Enter

เอาเครื่องหมาย * ออกจาก Use DHCP เนื่องจากผมไม่ได้ใช้ระบบ DHCP ในการแจก IP
ทำการ ไส่ค่า IP Address, Netmark Default Gateway IP และ DNS ให้เรียบร้อย
กด OK
กลับมาหน้า Select Device กด Save
กลับมาที่หน้า Select Action
เลือก Edit DNS configuration กด Enter

ช่อง Hostname ไส่ Domain name ของท่านลงไป
ช่องอื่นๆ ก็เป็น IP ของ DNS Server ที่ท่านใช้ จะไส่ครบหรือไม่ครบก็ได้ครับ
ส่วนช่อง DNS Search path ของผมไส่คำว่า localdomain ลงไปครับ
จากนั้นก็กด Tab มาที่ OK กด Enter
กลับมาหน้าจอ Select Action กด Tab มาที่ Save&Quit กด Enter เลยครับ
Fedora จะกลับมาที่หน้าจอ Choose a Tool


 กด Quit ได้เลยครับ
เมื่อออกจากการ Setup แล้ว ให้ใช้คำสั่ง Reboot เครื่องสักหนึ่งครั้งเพื่อให้ระบบทำตามที่เรากำหนดค่าต่างๆเอาไว้

ที่หน้าจอรอรับคำสั่ง พิมพ์ reboot แล้วก็รอจนกว่า Fedora จะ Reboot มาหน้า Login

บทความนี้พอแค่นี้ก่อนต่อบทความหน้าครับ

ติดตั้ง Fedora Core 11 เพื่อทำเวบไซต์ก่อนติดตั้ง ZIMBRA

ก่อนอื่นของชี้แจงก่อนครับว่าทำไมผมเลือก Fedora
ข้อแรก Fedora การติดตั้งง่ายสำหรับมือใหม่ และมือเก่าแต่ขี้เกียจจำคำสั่งอย่างผม
ข้อสอง Fedora เป็นของฟรี ที่สามารถนำมาใช้งานได้ทันที
ข้อสาม Fedora มีคนใช้งานอยู่มากเหมือนกัน ทำให้มีคำตอบในเวลาที่ติดปัญหา
ข้อสุดท้าย ZIMBRA ตัว Open Source รองรับทั้ง 32 bit และ 64 bit บน Fedora Core 11

ส่วนท่านอื่นจะใช้บน LINUX ตัวไหนก็เลือกเอาครับ ผมถนัดแต่ตัวนี้


เรามาเริ่มกันเลยครับ
ก่อนอื่นหาไฟล์ ISO ของ Fedora Core

http://mirrors.issp.co.th/fedora/releases/11/Fedora/i386/iso/

หรือที่อื่นก็แล้วแต่ท่านครับ
โหลดเสร็จแล้วก็ไร้ท์ลงแผ่น แล้วทำการบูธจากแผ่นได้เลยครับ

 ติดตั้งใหม่เลือกอันแรกได้เลยครับ

 เลือก Skip ไม่ต้องตรวจสอบแผ่น

ถึงหน้าจอนี้กด Next

 เลือกภาษา

เลือกภาษาของคียบอร์ด


 พิมพ์ชื่อ Domain ของท่าน

 เลือก Time Zone

 พิมพ์ Password สำหรับ Root

 ถ้าท่านไม่ต้องการปรับค่าการแบ่งพื้นที่ฮาร์ทดิสค์ กดปุ่ม Next และกด Write change to disk

 เลือก Packpage ที่ต้องการติดตั้ง
ของผม เอา Office and Productivity ออก
ติ๊กที่ Customize now เพื่อเลือก Package ที่ต้องการติดตั้งหรือเอาออก
สำคัญเพราะลงไปเยอะเปลืองครับ ไม่ได้ใช้ เอาเฉพาะที่จะใช้งานครับ

 หน้าจอเลือก Package ต่างๆ
แนะนำตามนี้ครับ
Desktop Environments เอาออกหมดไม่เลือกอะไรเลย

Applications เอาออกหมด ไม่เลือกอะไรเลย

 Development เอาออกหมด ไม่เลือกอะไรเลย

Server เลือก เฉพาะ MySQL Database และ Web Server
อันนี้ผมต้องการทำหน้าเวบจึงต้องเลือกครับ

 Base System เลือก Administration Tools และ Base
เนื่องจากผมต้องการใช้คำสั่งบางอย่างครับ
 นอกนั้นเอาออกหมดครับ
Languages ไม่เลือกอะไรเลย
กดปุ่ม Next
Fedora จะคำนวณ Package ที่เลือกเพื่อเตรียมการติดตั้ง

 ถ้าพร้อมแล้วก็ให้ติดตั้งได้เลยครับ


รอสักนิด เมื่อเสร็จแล้วก็ กด Reboot ได้เลยครับ
ถ้าไม่มีอะไรขัดข้อง เมื่อ Fedora Boot มาแล้วจะได้หน้า Setup ดังรูปข้างล่างนี้ครับ

ต่อบทความหน้าละกันครับ ไม่งั้นหน้าจะยาวไป